จุดเริ่มต้นความฮิตของครีมหน้าใส ตั้งแต่กลางปี 2012 เป็นต้นมาจะเห็นว่าทั้งตลาดเครื่องสำอางทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศนั้น มีครีมหน้าใส ครีมมาร์คหน้า ครีมพอกหน้า ออกมามากมายหลายยี่ห้อ ซึ่งใช้แล้วทำให้มีผิวหน้าที่ขาวกระจ่างใส ลดปัญหาสิว จุดด่างดำลบเรือน แถมยังมีคุณสมบัติต่างๆที่ช่วยในเรื่องของความสวยความงามอีกมากมาย แถมยังฮิตติดตลาดจนมาถึงทุกวันนี้ ซึ่งความนิยมดูจะไม่ลดลง มีแต่จะเพิ่มมากขึ้นซะด้วยซ้ำ
แต่หารู้ไม่ว่าครีมพวกนี้ถึงจะมีสรรพคุณเลิศจริง แต่ก็มีปัญหาเรื่องความปลอดภัยตามมาเช่นกัน หากใช้อย่างไม่ระวังและไม่ถูกวิธี
ครีมมาร์คหน้าใสนั้นเห็นผลจริง ชัดเจนจริง ขาวจริง ใสจริง … แต่!!! ทำไมพอใช้ไปซักระยะ จึงเกิดปัญหาสิวทั้งผดและสิวอักเสบตามมาได้?
จึงเกิดการตั้งคำถามว่า ครีมหน้าใส สารพัดประโยชน์เหล่านี้ปลอดภัยจริงหรือไม่? ใช้สารปรอทหรือสารสเตียรอยด์เป็นส่วนผสมหรือเปล่า?
บางยี้ห้อถึงกับมีพริตตี้ อินเตอร์เน็ทไอดอลคนดังออกมาต่อว่า แบรนด์ที่ตัวเองเคยเป็นพรีเซ็นเตอร์อยู่ “ว่าใส่สารอันตราย ทำให้หน้าพัง”
แล้วจริงๆแล้วมันอันตรายจริงหรือเปล่าหละ? ครีมชื่อดังเหล่านี้จงใจทำร้ายผู้บริโภคจริงหรือ?
คำตอบคือ ส่วนใหญ่ครีมมาร์คหน้า ครีมหน้าใส ที่มี อย. หรือมีเลขที่จดแจ้งกำกับ จะไม่มีสารปรอทหรือสเตียรอยด์อยู่ เพราะว่าการที่โรงงานจะผลิตมาขายให้กับผู้สร้างแบรนด์นั้น หากใส่สารปรอทหรือสเตียรอยด์ถือว่าผิดกฎหมายและคงไม่มีโรงงานที่ลงทุนสร้างมาราคาหลายสิบล้าน ร้อยล้าน โรงไหนอยากเสี่ยงเอาชื่อเสียงของโรงงานไปทิ้งไว้กับกำไรนิดหน่อยเป็นแน่
**แต่ครีมที่ขายกันอย่างผิดกฎหมาย (ไม่มี อย.), พวกครีมชั่งกิโลขาย แล้วอ้างสรรพคุณว่ามีคุณภาพสูง ครีมพวกนี้เดาไว้ก่อนเลยว่า 99% ไม่ ปลอดภัย แน่นอน**
แล้วทำไมบางคนใช้ครีมมาร์คหน้า ครีมพอกหน้า ครีมหน้าใส ถึงมีผลข้างเคียงตามมาหลังจากใช้หละ?
ต้องบอกให้เข้าใจกันก่อนนะครับว่า ส่วนผสมของครีมหน้าใส ครีมมาร์คหน้านั้น
– ใส่ส่วนผสมที่ค่อนข้างแน่น มีน้ำเป็นส่วนผสมน้อย
– ส่วนเนื้อครีมจะมีความเหนียวและข้นกว่าครีมปกติที่ใช้กัน
– เบสครีมมีน้ำมันอยู่เยอะ ทำให้เกิดการอุดตันได้ง่าย
– ใช้ส่วนผสมที่มีคุณสมบัติกระตุ้นผิวหลายๆตัวมารวมกัน เช่น Alpha Arbutin, Deoxy Arbutin, Arbutin, Kojic Acid, AHA กรดตัวอื่นๆ ซึ่งทำให้เซลล์ผิวหน้าของคนเราจึงถูกกระตุ้นมากกว่าครีมทั่วไป
และที่สำคัญครีมพวกนี้ใช้มาร์คหน้า ซึ่งการมาร์คหน้า ควรทำเพียงอาทิตย์ละไม่เกิน 3 ครั้ง และห้ามใช้ติดต่อกันทุกวัน (บางคนเห็นว่าได้ผลจริงเลยใช้มันซะทุกวันแบบจัดหนักไปเลย แบบนี้ไม่ ปลอดภัย อย่างแน่นอน)
สรุปว่า ครีมหน้าใสเหล่านี้ถ้ามี อย. ก็ปลอดภัยหายห่วง แต่ต้องใช้กันอย่างถูกวิธี วิธีการใช้ให้ถูกวิธีนั้นมีอะไรบ้างอ่านกันข้างล่างเลย
ผลลัพธ์ที่ได้มาอย่างรวดเร็วและเห็นผลชัดเจนจากครีมหน้าใส ครีมมาร์คหน้านั้น ย่อมมีผลลัพธ์ด้านลบที่ตามมา
1. ครีมมาร์คหน้านั้นมีเนื้อครีมที่เหนียว และล้างออกยากกว่าครีมทั่วไป ทำให้ตกค้างอยู่บนผิวหน้า จึงทำให้เกิดสิว
2. ห้ามใช้บ่อยจนเกินไปกว่าที่ทางผลิตภัณฑ์เขาแนะนำให้ใช้ เด็ดขาดถ้าไม่อยากให้เกิด ปัญหาตามมาเช่น ใช้ติดต่อกันทุกวัน เซลล์ผิวจึงถูกกระตุ้นเกินควร
3. ตื่นเช้ามาไม่ล้างหน้า ทำให้มีส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ตกค้างอยู่บนผิวหน้านานเกินไป
1. ล้างหน้าให้สะอาดหมดจดทุกครั้งหลังจากตื่นนอน “และใช้โทนเนอร์เช็ดซ้ำหลังจากล้างหน้าเสร็จ” เพราะว่าส่วนประกอบบางตัวในครีมมาร์คหน้านั้นไม่สามารถล้างออกให้หมดด้วยโฟมล้างหน้าปกติ
2. ใช้เพียงอาทิตย์ละ 2-3 ครั้งเท่านั้น เน้นว่า “เท่านั้น” บางคนที่ปัญหาจากการใช้ครีมมาร์คหน้านั้น เป็นเพราะว่าใช้ทุกวัน เพราะเห็นว่าใช้แล้วหน้าใสดูสว่างวิ้งๆหลังใช้ จึงอยากใช้ทุกวันเพราะจะได้หน้าสว่างใสทุกวัน
3. ลดปริมาณการใช้ลงจาก 3 ครั้ง ลงเหลือ 2 ครั้งหลังจากใช้ไป 1-2 เดือน เพื่อให้เซลล์ผิวได้พักจากการถูกกระตุ้นจากครีมมาร์คหน้าบ้าง
ขอสรุปเลยละกันนะครับว่า ครีมมาร์คหน้า หากมี อย. ส่วนใหญ่จะไม่มีสารอันตราย สารต้องห้ามอยู่แน่นอน (เพราะ อย. จะไม่ให้ผ่านแน่นอนหากใส่สารพวกนี้) และผลลัพธ์ที่ได้จากการใช้ครีมเหล่านี้นั้นเรียกว่าน่าพอใจ แต่ต้องใช้ให้ถูกวิธี ไม่ใช่เห็นว่าดีจริงเลยใช้มันซะทุุกวันเลย . . . ที่สำคัญต้องล้างหน้าให้สะอาดและเช็ดด้วยโทนเนอร์ด้วยเพื่อให้หน้าสะอาดหมดจดจริงๆไม่มีสารประกอบจากครีมหลงเหลืออยู่มาทำร้ายผิวของเราระหว่างวัน ที่สำคัญครีมมาร์คหน้า Re-Born Alpha Mask ปลอดภัยไร้กังวล รับรองหน้าใส แน่นอน 100% จ้า
2 Comments
จริงค่ะ เห็นด้วยกับบทความนี้
เห็นด้วย เป็นอย่างยิ่งตอนที่หนูใช้ pico ok ก้ไม่เหนเป็นไรนะ ทำไมคนบ่นกันเยอะจัง ทำแบบที่คนเขียนบอกเป๊ะเลย ไม่มีปัญหาเลนแถมหน้าใสดีด้วย ตอนนี้ว่าจะลองเปลี่ยนมาใช้ครีมมาร์คหน่ของเว็ปนี้ ดูบ้าง ดูน่าสนใจ ข้อมูลแน่นดี