ผิวพรรณที่ขาวกระจ่างใส สีผิวสวยเรียบเนียน ผิวดูสดใสชุ่มชื่นมีชีวิตชีว่าเปล่งปลั่งอย่างเป็นธรรมชาติ คือผลลัพธ์ของการที่ได้ดูแลผิวพรรณของตัวเองอย่างดีเป็นประจำทุกๆวัน ซึ่งเราจะทำอย่างไร ให้ผิวพรรณของเรานั้นมีสีที่สม่ำเสมอ ไม่กระดำกระด่าง ตรงนั้นขาวตรงนี้ดำ จนดูเป็นทางม้าลาย ให้ไร้จุดด่างดำ โดยเรามีวิธีมาบอกดังนี้ครับ
เพียงหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้ง และการออกเผชิญกับแดดแรงๆ เป็นเวลานาน เพราะว่าแดดนั้นเป็นตัวการที่ทำให้ผิวพรรณของเราหมองคล้ำ และยัง ก่อให้เกิดจุดด่างดำ และยังทำให้เกิดริ้วรอยบนใบหน้าของเราอีกด้วย
วิธีต่างๆข้างบนทำได้ครบ รับรองหน้าใส เรียบเนียน สีสม่ำเสม่อ ไม่มีจุดด่างดำแน่นอนครับ
แสงแดด และรังสียูวี (Ultraviolet) นั้น เป็นตัวการอันดับหนึ่งพรากเอาผิวพรรณ ขาวๆ สวยๆ ของสาวๆ (รวมทั้งไม่สาวด้วย) และหลายๆครั้งเวลาที่เราจะต้องทำกิจกรรมกลางแจ้ง ซึ่งเราจะต้องออกไปเผชิญกับแดดเป็นเวลานานๆ ผิวของเรานั้นจึงโดดแดดจนเผาไหม้ แถมยังทำให้ผิวของเราเกิดอาหารแสบและแดง จนทำให้ผิวของเราหมองคล้ำ ไม่กระจ่างใสเหมือนเดิม ต่อไปนี้เป็นวิธีต่างๆในการเอาผิวสวยๆขอเราคืนมาจากอาการไหม้แดดกันครับ
“อยากหน้าใส” แต่ว่าหลายๆคนอาจจะเกิดอาหารสับสนเกี่ยวกับพวกขั้นตอนต่างๆในการบำรุงผิวพรรณก็เป็นไปได้ เพราะว่ามันมีหลายอย่างเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นพวกโทนเนอร์ เซรั่มต่างๆ ครีมบำรุงต่างๆ และทุกๆขั้นตอนในการดูแลผิวหน้านั้น ก็มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่ากันเลยแม้แต่นิดเดียว
1. หลังจากที่เราได้ทำการทำความสะอาดผิวหน้าของเราแล้ว ก็ให้ใช้โทนเนอร์เช็ดทำความสะอาด โดยเช็ดย้อนรูขุมขน เพื่อเป็นการขจัดสิ่งสกปรกที่ยังตกค้างอยู่บนผิวหน้าของเราได้ดียิ่งขึ้น
2. การที่เราใช้โทนเนอร์นั้นจะช่วยปรับความสมดุลของผิวหน้า และเป็นการช่วยเตรียมผิวหน้า ก่อนที่จะลงครีมบำรุงนั่นเอง
1. เราควรที่จะเริ่มบำรุงก่อนเป็นอันดับแรก
2. เพราะว่าผิวหนังบริเวณนี้มีความแห้งและมีความบอบบางกว่าส่วนอื่นๆหลายเท่า
1. เป็นตัวที่จะช่วยบำรุงผิวพรรณแบบล้ำลึกลงไปอีกจนถึงผิวชั้นในสุด
2. เพราะว่าเซรั่มนั้น มีขนาดของโมเลกุลเล็กมากกว่าพวกครีมบำรุงผิวหลายเท่า
3. จึงสามารถแทรกซึมลงไปในผิวพรรณได้อย่างล้ำลึกกว่าเดิม
1. ไวท์เทนนิ่งครีมและครีมลดริ้วรอย เพราะว่าครีมนั้นเป็นตัวที่จะช่วยบำรุง ที่มีเนื้อเข้มข้นที่สุด เราจึงควรที่จะทาเป็นสิ่งสุดท้ายๆ และถ้าหากเป็นเดย์ครีม จะยิ่งมีเนื้อบางเบาและมีความแห้งเร็วกว่าครีมปกติ
2. ในขณที่ไนท์ครีมนั้น มีความสามารถที่จะแทรกซึมเข้าสู้ผิวได้อย่างล้ำลึก และยังจะช่วยให้มีความชุ่มชื้นมากกว่าดิมหลายเท่า
3. ดังนั้น ในเวลากลางคืนที่ผิวของเราควรจะต้องการได้รับการฟื้นฟูผิว เราควรที่จะเลือกครีมสำหรับการบำรุงผิวตอนกลางคืน หรือ ไนท์ครีม ( NIGHT CREAM) ยิ่งโดยเฉพาะเพื่อผลลัพธ์ในเรื่องของผิวขาว และความกระจ่างใส ที่รวดเร็วดั่งใจยิ่งขึ้น
1. เราควรที่จะมาร์คหน้าแค่เพียงอาทิตย์ละ 2-3 ครั้งเท่านั้น
2. เพราะว่ามาร์คหน้านั้น มันมักจะมีความเข้มข้น มากกว่าครีมบำรุงผิวถึง 8-10 เท่าเลยทีเดียว
3. เช่น ถ้าหากคุณต้องการที่จะเพิ่มความกระจ่างใสให้ผิวหน้า แบบเร่งด่วนจริงๆ ก็ควรที่จะเลือกใช้ไวท์เทนนิ่ง มาร์ค (Whitening Mask) โดยจะช่วยให้ผิวของคุณดูสว่างขึ้นได้ในทันที ซึ่งจะมีความรวดเร็วกว่าการใช้พวกไวท์เทนนิ่งครีม (Whitening Cream) อย่างแน่นอน
ปกติแล้วเมื่อเริ่มเข้าสู่หน้าหนาว อุณหภูมิก็จะเริ่มลดลงเรื่อยๆ ทำให้ความชื้นในอากาศลดลงเรื่อยๆเช่นกัน แล้วมันยังจะทำให้ร่างกายของเราสูญเสียน้ำมากกว่าปกติหลายเท่า ผิวพรรณของเราจึงขาดน้ำ ขาดความชุ่มชื้น และยังทำให้ผิวพรรณของเราแห้งและแตกได้อีกด้วย โดยในวันนี้เรามีวิธีในการดูแลผิวพรรณให้มีความเปล่งปลั่ง มีความสดใส เพื่อต้อนรับลมหนาวมาฝากกันครับ
1. บำรุงผิวหน้าให้ชุ่มชื้น กระจ่างใส
ซึ่งในฤดูหนาวนี้ ผิวหน้าของเราจากเดิมที่เคยมีความสดใส อาจจะดูหมองคล้ำได้นะครับ ซึ่งนั่นเป็นเพราะว่าผิวของเราได้เสียความชุ่มชื้น ไปให้กับความแห้งของอากาศในหน้าหนาว ดังนั้นเราควรใช้โฟมล้างหน้าสูตรที่มีฟองน้อยๆ หรือสูตรไร้ฟองไปเลย ที่มีความอ่อนโยนและมันจะทำให้เราไม่ระคายเคืองผิว และยังจะช่วยคงความชุ่มชื้นของผิวเราไว้ได้อีกด้วย
แล้วบำรุงผิวด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ (moisturizer) อย่างเป็นประจำ เพื่อช่วยให้เพิ่มความชุ่มชื้นและยังจะช่วยในเรื่องของลดความตึงตัวของผิวหนังเราอีกด้วย รวมไปถึงการใช้มาสก์ (Mask) หรือ ไวท์เทนนิ่งครีม (Whitening Cream) อย่างเป็นประจำ
2. ดูแลผิวกายให้เนียนนุ่มเป็นประจำ
โดยพยายามไม่อาบน้ำอุ่น เพราะว่าการอาบน้ำอุ่นนั้นจะเป็นการเร่งให้ผิวของเราแห้งมากขึ้น และเรายังควรหลีกเลี่ยงการอบซาวน่า หรือ การขัดผิวอีกด้วย เพราะว่าผิวของเรากำลังอ่อนแอ ถ้าหากมีการขัดผิวขึ้นมา อาจจะทำให้ผิวของเราแตก และแห้งง่ายขึ้นกว่าเดิม (ถ้าเกิดทนความเย็นของน้ำไม่ได้ แนะนำให้อาบน้ำอุ่นเปิด แล้วปิดท้ายการอาบน้ำด้วยการอาบน้ำที่มีความเย็นมากขึ้น)
โดยหลังจากอาบน้ำแล้วให้เราเริ่มทาโลชั่นให้ทั่วร่างกาย โดยเลือกใช้โลชั่นสูตรที่มีความสามารถในการให้ความชุ่มชื้นได้อย่างเป็นพิเศษกว่าปกติ เพราะว่าจะสามารถช่วยคุณฟื้นฟูผิว และยังจะสามารถช่วยคุณปกป้องผิวจากการสูญเสียความชุ่มชื้นได้เป็นอย่างดีอีกด้วยนะครับ
3. ปกป้องผิวจากแสงแดด
แม้ว่าจะเป็นช่วงฤดูหนาวก็อาจจะมีช่วงเวลาที่แดดออก ซึ่งยังไงก็ต้องโดนแดด ซึ่งผิวของคุณก็ยังถูกทำร้ายจากแสงแดดได้ไม่แพ้ฤดูร้อนเลยแหละครับ เมื่อแสงแดดมีส่วนเข้ามาร่วมกับอากาศที่มีความแห้งและความเย็น มันก็ยิ่งทำให้ผิวของเราแสบและไหม้ได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม
เราจึงควรที่จะปกป้องผิวตัวเองด้วยการทาครีมกันแดดอย่างเป็นประจำทุกวันสม่ำเสมอ ซึ่งเราควรเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF (Sun Protection Factor) 15 และ PA++ (Protection Grade of UVA++) เป็นอย่างน้อย เพื่อการปกป้องผิวของคุณจากแสงแดดและรังสี UVA อันเป็นสาเหตุของความหมองคล้ำครับ
สาวๆหลายคนคงจะเคยมีคำถามเกี่ยวปัญหาที่ว่าจะใช้ครีมยี่ห้อไหนดี และจะทำการบำรุงผิวด้วยวิธีใดให้กระจ่างใส แต่การที่เราจะเลือกซื้อไวท์เทนนิ่งครีม หรือครีมบำรุงผิวต่างๆนั้น เราไม่ควรเลือกจากความกังวล หรือว่าปัญหาของผิวเสียเพียงอย่างเดียว แต่ว่าเราควรที่จะเลือกใช้ครีม ให้มีความเหมาะสมกับประเภทผิวของเราด้วยนะครับ เพื่อการบำรุงผิวพรรณให้สวยงามอย่างตรงจุด และมีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม ซึ่งก็ควรรู้ด้วยตัวผิวของตัวเองนั้นเป็นสภาพแบบไหนกันแน่
ผิวจะมีน้ำมันเคลือบผิวบางๆ ในบริเวณ T-ZONE คือในส่วนของหน้าผากและจมูก จึงทำให้เกิดเป็นความมัน มากกว่าส่วนของแก้ม เราจึงควรที่จะเลือกใช้ครีมที่เหมาะกับสภาพของผิวเรา คือเลือกใช้ครีมที่ไม่มีความเข้มข้น หรือครีมที่เบาบางจนเกินไป
และในส่วนของการใช้มอยส์เจอไรเซอร์ (moisturizer) ก็ควรเลือกทาเฉพาะส่วน ของแก้มกับของบริเวณผิวรอบดวงตา เพื่อให้มีการป้องกัน การแห้ง การแตก และการเกิดริ้วรอยนั่นเองครับ
ส่วนใหญ่แล้วจะมีต่อมไขมันบริเวณใบหน้าเยอะเป็นพิเศษ ซึ่งต่อมไขมันนั้นจะทำการผลิตไขมันออกมามากจนเกินความจำเป็น มันจึงทำให้เรามีผิวหน้าที่มัน และเมื่อเกิดมีความมันจนมากเกินไปเป็นพิเศษในส่วนของบริเวณ T-ZONE ก็มักจะมีรูขุมขนที่ใหญ่ และเกิดการเป็นสิวได้ง่ายขึ้นนั่นเอง ดังนั้นเราควรที่จะเลือกใช้ครีมที่มีเนื้อบางเบาและสามารถซึมซาบเข้าสู่ผิวได้ง่าย
และในส่วนของการควบคุมความมัน ก็ควรใช้ควบคู่ไปกับมอยส์เจอไรเซอร์ (moisturizer) ประเภท oil-free เพื่อให้เกิดการเสริมความแข็งแรงของผิวบนใบหน้า และเพื่อรักษาความชุ่มชื้อ โดยไม่ทำให้ผิวหน้ามันเยิ้มเกินไป รวมทั้งช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอยได้อีกด้วย
จะมีต่อมไขมัน ที่ผลิตน้ำมันธรรมชาติในผิวหนัง ออกมาน้อยกว่าปกติทั่วไป สาวผิวแห้งจึงมีแนวโน้มที่จะมีการเกิดริ้วรอย เกิดผดผื่น และเกิดอาหารผิวลอก และผิวแตกได้ง่ายกว่าผิวแบบอื่นๆ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องไดรับการบำรุงผิวเป็นอย่างดีให้มีความชุ่มชื้นอยู่เสมอและเป็นประจำ เพียงแค่เลือกใช้ครีมบำรุงผิวและมอยส์เจอไรเซอร์ (moisturizer) ที่เน้นความเข้มข้นอย่างเหมาะสม โดยต้องใช้อย่างเป็นประจำทุกวัน เพื่อช่วยในเรื่องของการคงความชุ่มชื่นและความนุ่มนวลแก่ผิว
ซึ่งชั้นผิวหนังของผิวประเภทนี้ ได้มีการลดการต้านทาน ต่อสารต่างๆที่ระคายผิวลง ทำให้ผิวนั้นเกิดความบอบบาง และเกิดการระคายเคืองได้ง่ายกว่าผิวแบบอื่นๆ ซึ่งควรจะเลือกใช้ครีมที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม และครีมที่ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน และควรจะเป็นครีมชนิดที่สามารถช่วยปกป้องความชุ่มชื่นของผิวได้ อีกทั้งครีมนั้นก็ต้องผ่านการทดสอบ โดยผู้เชี่ยวชาญ ด้านผิวพรรณมาแล้วว่าไม่มีการระคายเคืองต่อผิวที่บอบบางนั่นเอง